ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

ธรรมชาติของเรื่องราวส่วนใหญ่ จะมีอยู่สองทางเลือก อย่างเช่น ใช่/ไม่ใช่, ได้/ไม่ได้, ขาว/ดำ, บวก/ลบ, ถูก/ผิด, ซ้าย/ขวา อะไรประมาณนี้แหละครับ แต่สำหรับผมไม่ต้องการที่จะเลือกข้างใดข้างหนึ่ง ผมบางครั้งก็ต้องอาศัยสองอย่างผสมกัน จะเรียกว่าทางสายกลางก็ไม่ใช่นะครับ (มันพูดง่ายแต่ทำอยาก) เลยไม่อยากพูด เพียงแค่จะบอกว่า เป็นได้ทั้งสอง และอย่าไปจำกัดความคิด ว่าต้องเป็นอย่างนี้อย่างโน้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่แน่นอน จำเป็นต้องใช้สองอย่างผสมกัน แล้วแต่อย่างใดจะมากอย่างใดน้อย

โดยส่วนตัวผมก็ไม่อยากจะคิดตามใคร และไม่ค่อยจะเชื่อความคิดของใคร เพราะทุกคนก็มีเหตุผลของตนเอง แต่สิ่งที่พูดได้และบอกต่อเพราะเรื่องราวบางอย่างมันเจอกับตัวเอง เลยกล้าที่จะพูดแนะนำคนอื่น และไม่ค่อยเห็นด้วยกับการใช้คำพูดที่เห่อตามกระแส คนส่วนใหญ่มีความมั่นใจในเรื่องผิดๆ ไอ้เรื่องที่สมควรจะมั่นใจกลับไม่มั่นใจ (เป็นเสียอย่างนี้) ก็แล้วแต่มุมองของใคร

บางครั้งก็รู้สึกอึดอัดกับการที่ต้องทำตามความคิดของใครๆ หรือทำตามความเชื่อที่ไม่มีใครกล้าเปลี่ยนแปลง (สรุป ว่าในชีวิตหมดโอกาสที่จะมีความคิดเป็นของตนเอง) คนเรา มีความคิด ก็ต้องคิดและหาทางเลือกในการใช้ชีวิตเองบ้าง จะมัวไปพึ่งความคิดของคนอื่นมากไป ก็เหมือนกับใช้ชีวิตไม่คุ้ม (นิสัยส่วนตัว) สำหรับผมแล้ว ชีวิตเปลี่ยนแปลงตลอด ความคิด และพฤติกรรมเปลี่ยนตลอด ตามเรื่องราวและประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้ โดยเฉพาะปัญหาที่ผมเจอทำให้ผมคิดได้ และเปลี่ยนความคิดปรับเข้าหาธรรมชาติ

ในเรื่องของการใช้ชีวิต ผมมีความคิดเห็นว่า มันไม่ใช่แค่มีสองทางเลือก แต่มันมีไม่จำกัดทางเลือก (เรื่องความคิดแบบนี้ไม่มีถูกหรือผิด) แต่เราถูกสอนให้คิดแต่ในกรอบ และเพิ่งมามีคำว่า “คิดนอกกรอบ” ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เห่อ คำนี้ สำหรับอยากใช้คำว่า คิดไม่มีกรอบ แล้วกัน จะได้ไม่ซ้ำกับใคร

ซึ่งทางเลือกในการใช้ชีวิตของคนเรา ทางที่หนึ่งก็คือใช้ชีวิตเหมือนกับว่าไม่มีอะไรดีๆ ในโลกนี้เลย หรือจะเลือกใช้ชีวิตให้เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเราก็คือสิ่ง มหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทุกวัน หรือทางเลือกที่ความเป็นจริงในโลกใบนี้ต้องมีปัญหาอยู่เป็นปกติ เพียงแต่เราจะอยู่อย่างไรกับปัญหาเหล่านี้ เพื่อใช้ชีวิตอยู่อย่างมหัศจรรย์ เหมือนกับว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เพราะทุกอย่างในโลกนี้ ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ”  -weerasak patthaburee-

แสดงความคิดผ่าน Facebook