Save It for a Rainy Day
บันทึกประจำวัน, เสียงเพลงแห่งชีวิต กุมภาพันธ์ 15th, 2016อย่างที่เคยกล่าวไว้ในบทความชีวิต ก่อนหน้านี้ การฟังเพลง ทำให้จิตใจผ่อนคลาย หายเครียด ทำให้มีพลังใจ วันเวลาที่ผ่านมา มีเรื่องราวรุมเร้ามากมาย จนบางครั้งเราก็ลืมสิ่งนี้ไป บางครั้งที่สำคัญที่สุด มันอยู่ใกล้ตัวเรานี่เอง เพียงแต่เมื่อเราพบเจอปัญหาหรือเรื่องที่เร่งรีบ กลับทำให้เราลืมสิ่งที่ใกล้ตัวไป จนทำให้เราลืมเติมพลัง(ใจ) ให้กับตัวเอง เพื่อจะได้มีแรง จัดการกับเรื่องที่จะทำและปัญหาต่างๆ ที่อยู่เราตัวเรา (โดยไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงได้)
จากที่ช่วงที่ผ่านมาเหมือนเจอกับมรสุม ในทุกๆ เรื่อง ที่ทำให้เราต้องรู้สึกกังวล และมีความรู้สึกวังเวงกับการแก้ปัญหา ที่ต้องแข่งขันกับเวลา จนนำพาความรู้สึกให้ไปพบกับสภาวะบางอย่าง ที่จิตใจสัมผัสได้ บางครั้งก็เจอกับสิ่งให้เราทำใจได้ บางครั้งก็แวบให้เรารู้สึกปลงกับเรื่องนั้นๆ จนต้องหันกลับมามองตัวเอง อย่างมี(สติ) นั่นแหละจึงจะคิดได้ ก็ด้วยเพราะเราไม่มีสตินี่เอง จึงไม่มีปัญหาเพื่อจะแก้ปัญหา
สรุป ก็เลือกที่จะทำสิ่งที่เคยทำเพื่อได้ผ่อนคลายด้วย นั่นคือการฟังเพลงที่ทำให้เรามี (พลังใจ) และนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้เราอยากจะทำอะไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
บรรยากาศในต่างประเทศ (ชนบท) และผู้คนที่ไม่ได้ไขว้คว้าหรือแข่งขันกันมาก บางครั้งก็ทำให้เรามีความหวังว่าสักวัน คงจะได้สัมผัสอย่างนั้น แค่คิดเราก็มีกำลังใจจะทำอะไรให้เสร็จแล้ว วันนี้ก็เลือก เพลง “Save It for a Rainy Day” ของ Kenny Chesney
ดูจากมิวสิกวิดีโอ ก็คงทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น ด้วยเพราะทำให้เรานึกถึงการพักผ่อน จากการงาน และเรื่องราวต่างๆ ที่สมมุติขึ้น (ทั้งนั้น) ซึ่งมันทำให้เราลืม “ธรรมชาติ” เพราะเราอยู่กับธรรมชาติ เราจึงต้องเข้าใจธรรมชาติ และใช้ธรรมชาติ เติมเต็มพลังให้กับชีวิต
ผมก็อยากให้คนอื่นมีความรู้สึกเหมือนผมบ้าง แต่หากเข้าใจธรรมชาติ ก็จะรู้เลยว่า ไม่มีใครมาเข้าใจเราได้เท่ากับตัวเราเอง (ธรรมชาติสร้างสรรค์มาแล้วทั้งนั้น) สิ่งที่อยากจะให้รู้สึกก็เพียงแต่ ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกผ่อนคลาย เหมือนได้ท่องเที่ยว มีความอิสระในจิตใจ
เพลงและภาพต่างๆทำให้เราผ่อนคลาย หายกังกล มีสติ ทำใจ เกิดปัญญา ให้อภัย…ฯลฯ (หากให้ได้อารมณ์ก็ต้องเพิ่มกลิ่นน้ำหอมด้วย…555)
ชื่อเพลงจะเกี่ยวข้องกับวันที่ฝนตกพลำด้วย ซึ่งมีหลากหลายอารมณ์ ตามประสบการณ์ของแต่ละคน
แต่เชื่อว่าหลายๆ คนก็อยากจะนอนหลับให้ฝันหวานๆ ฟังเสียงฝนตกบนหลังคาพร้อมกับอากาศเย็นสบาย ธรรมชาติ
แต่หากมองอีกมุมมอง ลองออกไปข้างนอกเพื่อสัมผัสกับเม็ดฝน ก็จะได้อารมณ์และความสวยงามของสายฝนที่สะท้อนกับแสงไฟ ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเช่นกัน
สำหรับผมก็เลือกทั้งสองอย่าง และก็เฝ้ารอ “ฟ้าหลังฝน” เป็นบรรยากาศที่ทำให้ผมอยากจะสัมผัสมากที่สุด และทำให้เรามีความหวังที่จะทำอะไรต่ออีกมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนพร้อมจะเริ่มต้นใหม่ และให้อภัยในเหตุการณ์ที่ผ่านมา เริ่มต้นใหม่กับบรรยากาศใหม่ เพราะฟ้าหลังฝนจะแจ่มใสมาก และอากาศก็บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยโอโซนครับ
ปล.. ผมภาพๆหนึ่ง ว่าจะนำมาใส่ในบทความหลัก เป็นภาพวันที่ฝนตกและอากาศหนาว ขณะที่ผมพักอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดดเดี่ยว ผมนึกถึงบ้านครับ นึกถึงเพื่อนๆ และผู้คนที่ประเทศไทย มองผ่านกระจกที่พัก แล้วรู้สึกอยากสัมผัสบรรยากาศที่เรา(หนีมา) อิอิ บนขอบหน้าต่าง ผมก็เอาลูก Apple มาวางคุ่กัน เนื่องจากเป็นอาหารเช้าหลักที่ถูกที่สุด ที่จะประทังชีวิต ในทุกๆ วัน ก่อนจะไปเรียนภาษาครับ (ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดครับ ) แล้วนำภาพนั้นมานำเสนอในบทความต่อไปครับ.
#Wee4Life