มีเรื่องราวหรือแนวคิดในการทำงานและการใช้ชีวิตหรือในด้านการเรียน มากมายที่ต้องการจะนำเสนอ เพื่อไว้เตือนสติตัวเอง ด้วยเพราะในช่วงเวลาว่างของความคิดชั่วแว็บหนึ่ง จากที่มีหลายเรื่องราวเข้ามาทำให้ได้ข้อคิด และต้องการจะบันทึกไว้ อย่างน้อยก็เพื่อใส่ไว้ในความทรงจำ ถึงเวลามีโอกาสก็จะได้บอกเล่าต่อ โดยเฉพาะลูกศิษย์ เพราะการเได้เล่าประสบการณ์ บางครั้งก็ช่วยให้คนๆหนึ่งมีสติยั้งคิดหรือเกิดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต

ในสมองมีเรื่องคิดมากมายแต่ไม่รู้ว่าจะนำเสนอเรื่องอะไรก่อนดี นี่เป็นข้อเสียที่ไม่สามารถเรียบเรียบเรื่องราวที่นำจะเสนอเป็นระบบได้ เพราะได้พูดซะทุกเรื่อง

วันที่เป็นวันเริ่มต้นของเดือนใหม่ คือ 1 ธันวาคม 2559 หากใครไม่รู้จะเริ่มต้นอะไรดีๆ ในชีวิต ก็หาวันเริ่มต้นของเดือนใหม่ก็ดีเหมือนกัน สำหรับผมแล้ว การเริ่มวันใหม่ก็เหมือนกับชาติใหม่ เพราะตื่นมาก็เป็นชีวิตใหม่ ที่ต้องเรียนรู้และทำอะไรใหม่อยู่ตลอดเวลา

สรุป เรื่องที่จะนำเสนอก็คือ

เรื่องที่ 1 การหาช่วงเวลาเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ new day new life

เมื่อวานก็หาโอกาสเข้าไปแนะแนวนักเรียนที่ปรึกษา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ อยู่การตั้งเป้าหมายในการเรียน ปกติก็จะเตรียมเนื้อหาไว้ล่วงหน้า แต่บางครั้งนึกขึ้นได้ก็จะหาเวลาเข้าไปพูดคุย “การพูดคุยที่ดีที่สุด และพูดได้ตลอดเวลาโดยไม่มีความกังวล คือ การพูดมาจากใจ” นั่งคือ ไม่ต้องท่องจำ ไม่ต้องกังวลว่าจะพูดถูกหรือผิด

เนื้อหาในการแนะนำก็พยายามเตือนนักเรียนให้รีบทำในสิ่งที่ต้องทำ เนื่องจากเวลาเหลือน้อย และอาจจะสายเกินไป ณ เวลานี้ เนื่องจากหลังจากนี้ อาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรที่เราไม่คาดคิด แล้วอาจจะทำไม่ทันได้ทำ แล้วต้องมานั่งเสียใจอีก เรื่องเหตุบ้านการเมืองก็ให้ทำใจ อาจเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเสียสูญกันอีกก็ไม่แน่ เป็นไปตามธรรมชาติ และเรื่องราวต่างๆ ที่ต้องการให้นักเรียนเปลี่ยนบุคลิกภาพและพฤติกรรมตนเอง อย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาก็เน้นนักเรียนให้มีความสุข โดยเน้นเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพผู้เรียน เป็นสำคัญ

เรื่องที่ 2 ปริญญาชีวิต

จากข่าวที่นำเสนอเกี่ยวกับมอบปริญญาชีวิตฯ ให้คุณยายวัย 83 ปี พระเทพญาณเวที ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดพะเยา เจ้าอาวาสวัดศรีอุโมงค์คำ อ.เมือง จ.พะเยา เป็นประธานพิธีมอบปริญญาชีวิตบัณฑิตปัจฉิมวัย และประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา (อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/798647) นั่นหมายความในการศึกษาเล่าเรียนดังที่มีคำกล่าวไว้ว่า ปริญญาสองใบ ได้แก่ ปริญญาทางวิชาชีพ และ ปริญญาชีวิต

พูดถึงเรื่องนี้ก็มีเรื่องที่เกี่ยวข้องอีก จากที่เป็นข่าวมานานแล้ว สรุปได้ว่า

  1. “ปริญญาวิชาชีพ” เราจะต้องทำมาหากินเป็น กินอิ่ม นอนอุ่นพูดง่ายๆ ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้
    อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง
  2. “ปริญญาชีวิต” การที่ได้ดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้

( อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ranthong.com/smf/index.php?topic=15758.0;wap2)

ความจริงต้องผมต้องนำข้อคิดทั้งหมดที่ได้อ่านมาสรุปเป็นเนื้อหาให้อ่านเข้าใจง่าย เหมือนที่ไม่เล่าให้ใครฟัง แต่ด้วยเพราะเกรงจะว่าจะขาดรายละเอียดและนำเสนอข้อมูลผิดพลาดเลยต้องอ้างที่มาให้ชัดเจน

เรื่องที่ 3 โรคมนุษย์สมบูรณ์แบบ  (Perfectionism)

ทีแรกว่าจะนำเสอนเป็นผู้ข้อบทความใหม่มานานแล้ว แต่ก็ไม่มีแรงบันดาลใจจะนำเสนอ เพราะคิดๆ ดู นี่เรากำลังสร้างบทความขยะหรือเปล่า ทั้งๆ ที่ก็ไม่มีประโยชน์กับใครเลย เป็นเพียงการบ่นของเราเอง แต่อย่างน้อยผมก็ได้ฝึกสมอง ด้วยเพราะงานวิจัย มีข้อสรุปว่า การได้เขียนบันทึกจะช่วยพัฒนาสมอง ผมก็เลยพยามฝึกเขียนบันทึก และอีกอย่างจะได้มีที่ระบายความคิด หากเก็บไว้มากๆ ก็ไม่ผ่านปริญญาชีวิตอีก (อิอิ)

ผลการค้นหารูปภาพ

โรคมนุษย์สมบูรณ์แบบ หรือบ้าคลั่งความสำเร็จ สำหรับผมแล้ว ผมว่าผมก็เป็นนะ ด้วยเพราะเรียนวิชาคณิตศาสตร์มาตั้งแต่ปริญญาตรี อะไรก็ต้องค่อนข้างจะแปะ ถูกต้อง ชัดเจน แม้กระทั่งเข้าของเครื่องใช้ ก็ต้องดูดี (ว่าไป) เนื่องจากเมื่อทำอะไรที่ดีๆ แล้ว มันรู้สึกดี มีความสุข เห็นอะไรที่เป็นระบบ ระเบียบแล้ว มันอยากให้ทำงาน ก็เลยอาจติดเป็นนิสัย

ผลการค้นหารูปภาพ

พฤติกรรมของผู้ป่วยเป็นโรคมนุษย์สมบูรณ์แบบ บ้าคลั่งความสำเร็จ

1.สนใจเรื่องต่างๆ ในรายละเอียดปลีกย่อยมาก มักดูแลความสะอาดเรียบร้อยของร่างกายและเครื่องแต่งตัวเป็นอย่างดี ทรงผมหวีเรียบ ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ผู้หญิงเจ้าระเบียบจะแต่งหน้าอย่างประณีตบรรจง และมักหงุดหงิดที่เห็นคนอื่นแต่งกายไม่เรียบร้อย หรือขมวดคิ้วไม่พอใจหากเห็นคนรอบข้างไว้ทรงผมยุ่งกระเซิง

2.หมกมุ่นกับความรับผิดชอบมาก เจ้าระเบียบ ทุ่มเทให้กับการทำงานมากจนขาดการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น

3.ใช้ชีวิตประจำวันซ้ำๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เช่น กินอาหารร้านประจำซ้ำๆ หรือขับรถเส้นทางเดิมๆ ไม่ค่อยยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นหรือวิวัฒนาการใหม่ๆ และต้องการให้คนอื่นทำตามความคิดเห็นของตัวเองเสมอ มีลักษณะดื้อรั้น

4.ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจเพราะกลัวผิด กลัวถูกตำหนิหรือผิดศีลธรรม

5.เครียดง่าย คนอยู่ใกล้ไม่รู้สึกอบอุ่นและไม่ชอบการพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นชีวิตส่วนตัวจึงแห้งแล้งไม่ค่อยมีความสุข

อาจารย์เจอร์เกนซัน แนะนำว่า จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อแก้นิสัยเหล่านี้ เช่น ต้องยอมรับว่าคนเราสามารถผิดพลาดกันได้ คนเราไม่จำเป็นต้องดีพร้อมไปเสียทุกเรื่อง และทำส่วนของเราให้ดีที่สุดที่เหลือได้แค่ไหนก็แค่นั้น ที่น่าวิตก คือ โรคสมบูรณ์แบบที่เกิดขึ้นกับใครบางคน อาจส่งผลให้คนคนนั้นกลายเป็น โรคย้ำคิดย้ำทำ

ทั้ง โรคสมบูรณ์แบบ และ โรคย้ำคิดย้ำทำ จำเป็นต้องพบจิตแพทย์ นั่นเพราะอาการเหล่านั้นจะรบกวนการใช้ชีวิต การทำงาน ตลอดจนความเป็นอยู่ในทุกเมื่อเชื่อวัน รวมถึงคนที่อยู่ใกล้ชิด … หากมีอาการหนัก ผิดหวัง จะนำไปสู่โรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตายในที่สุด

(ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)

 

 

แสดงความคิดผ่าน Facebook