วันมาฆบูชา ๒๕๕๔
เล่าประสบการณ์ กุมภาพันธ์ 19th, 2011เมื่อคืนเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันมาฆบูชา ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม) นานมาแล้วที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเวียนเทียน เพราะช่วงชีวิตปัจจุบันนี้ แค่ฝึกปฏิบัติตนให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ช่วยเหลือผู้อื่น ก็รู้สึกเพียงพอแล้ว แต่ถ้ามีโอกาสก็จะไปร่วมกิจกรรม และเมื่อคืนก็ได้มีโอกาสไปร่วมฟังธรรมและเวียนเทียนที่วัด รู้สึกได้แง่คิดหลายอย่าง บางครั้งก็อยากจะจดไว้ เพราะจำได้ไม่หมด แต่ก็ช่วยพัฒนาจิดใจได้ มีผู้คนมาร่วมเยอะในปัจจุบัน ทุกเพศทุกวัย ทุกอาชีพ แต่สิ่งที่ยังคงเป็นแฟชั่นก็ยังคงมีอยู่ คือการแต่งกายนุ่งสั้นเข้าร่วมปฏิบัติธรรมในโบสถ์ และบางคนนุ่งยิ่งกว่าสั้น และเสื้อเว้าผ่าหลังอีกต่างหาก ความจริงไม่ได้ว่าทำผิดหรือถูกหรอก แต่คิดว่า ไม่เหมาะกับกาลเทศะ ไม่เหมาะสม ถ้าคิดว่าหากได้มาเวียนเทียนแล้ว ถือว่าได้มาทำบุญ ก็ได้มาแล้วแต่ หากแต่งกายแบบนี้ ได้มาแค่ตัวตนแต่จิตใจคงไม่ได้อะไรมาก ผมว่านะ มันต้องพร้อมทั้งกายและใจ มาแล้วเป็นสุขก็ถือว่าได้บุญกับตัวเอง ก็แล้วแต่ทัศนะครับ สำหรับผมสิ่งสำคัญคือจิตใจ ไม่ใช่การกระทำ
ข้อคิดหนึ่งที่ได้จากการฟังเทศน์ คือ การมีเมตตา แต่หากมีเมตตามากเกินไปแล้ว ก็อาจจะทำให้ตัวเกิดทุกข์ได้ จึงต้องมีความเมตตาให้พอเหมาะ และอีกหลายคำพูดที่ฝึกให้เราทำใจ และก็เรื่องการใช้ปัญญา ในเรื่อง ความรอบคอบ และรอบรู้ รอบคอบต้องมีสติ รอบรู้ต้องมีปัญญา สำหรับการเวียนเทียน ก็เวียน 3 รอบ ซึ่ง
เทียนรอบที่ 1 รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า โดยภาวนาบท อิติปิโส ภะคะวาฯ ไปจนจบ เพื่อให้จิตใจมีสมาธิ
เวียนเทียนรอบที่ 2 รำลึกถึงคุณพระธรรม ภาวนาบทสวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโมฯ ไปจนจบ
เวียนเทียนรอบที่ 3 รำลึกคุณพระสงฆ์ ภาวนาบทสุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆฯ ไปจนจบ ระหว่างนั้นต้องทำจิตใจให้สงบ แน่วแน่กับบทบูชา เมื่อเวียนเทียนครบ 3 รอบแล้ว นำดอกไม้ธูปเทียนไปวางในจุดที่กำหนด
และในวันนี้ก็รู้สึกว่า เป็นวันที่โลกได้รับผลกระทบจากพายะสุริยะ ซึ่งไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ แต่ก็เป็นการเตือนโลก หลายๆเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ นั่นแหละ สักวันก็คงถึงวันสิ้นโลก จะได้จบๆเสียที 555