ภาพประกอบจากอินเทอร์ฺเน็ต

“ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” คำนี้เป็นสุภาษิต ที่ทุกคนก็ได้รับรู้มายาวนาน สำหรับผมเองก็พยายามระลึกอยู่เสมอ เพื่อเตือนสติตัวเอง จะได้ไม่ท้อแท้ยามที่ไม่ใครคอยช่วยเหลือ ความจริงสามารถตีความหมายได้มากมาย แล้วแต่สถานการณ์หรือประสบการณ์ของใคร หลักๆง่ายคือ ตัวตนของเรานั่นแหละเป็นทางออกทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้เชื่อเถอะครับว่า นอกจากคนในครอบครัวของเราและตัวเราแล้ว ยากที่จะไว้ใจใครได้ เมื่อถึงยามคับขันหรือมองไม่เห็นใครแล้ว คนที่เราพึ่งและไว้ใจได้คือคนเหล่านั้น และที่สำคัญคือตัวเราครับ

คนส่วนใหญ่ มองข้ามที่สิ่งที่ใกล้ตัว และยิ่งใกล้ตัวมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะยิ่งห่างไกลมากเท่านั้น แม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยไว้ใจ ทั้งๆที่ความคิดของเรา ตัวเรา เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการตัดสินใจทำอะไร แต่ก็ยังไม่ไว้ใจตัวเอง กลับเชื่อคำพูดของคนรอบข้างเพื่อให้มั่นใจว่าคิดเหมือนกับเรา ซึ่งเป็นอย่างนี้อยู่โดยธรรมชาติ ทำให้เกิดปัญหาต่างๆนานาอยู่ในสังคมทุกวันนี้ ทุกคนมีความรู้ ความสามารถ แต่ยังไม่ใช้สิ่งเหล่านั้นทำให้เกิดปัญญาได้ เพราะปัญหาทั้งหมดสามารถแก้ไขและทำให้สติได้ด้วยปัญญา สายตาตัวเองคำพูดตัวเอง ยังไม่เชื่อ แล้วจะจัดการชีวิตอย่างไรได้

อาวุธที่ร้ายแรงที่สุด มันอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน ที่สามารถทำลายร้างถึงจิตใจคนได้ อย่างหนึ่งก็คือ “คำพูด” ไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ แค่เพียงคำพูดซึ่งเปล่งออกมาจากปาก กำเนิดขึ้นจากเสียงสุงเสียงต่ำและลมหายใจ จะสามารถทำร้ายจิตใจคนได้ ยกตัวอย่างเช่น มีคนมาด่าเรา คำด่าก็เป็นเพียงเสียงที่เปล่งออกมา  ผ่านไปถึงคนฟัง แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับเป็นปัญหาใหญ่โต ทะเลาะกัน ฆ่าฟันกัน เพราะคนฟังรู้สึกโกรธ เสียใจ (อะไรต่างๆนานา) เห็นไหมครับ ไม่ต้องใช้อาวุุธอะไรเลย ก็สามารถทำลายร้างไปถึงจิตใจที่อยู่ในตัวมนุษย์ได้

ฉะนั้น หากเรามีสติ เมื่อเกิดปัญหา เชื่อเถอะครับ ยากที่ใครจะมาช่วยให้เราหายขาดได้ นอกจากตัวเราเอง ที่ต้องปรับอารมณ์ ความรู้สึก และจิตใจให้แข้มแข็งเพื่อกำจัดปัญหาเหล่านั้นได้ และนี่ก็จำเป็นต้องพึ่งสุภาษิตที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ซึ่งตรงกับสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า “God helps those who help themselves.” (ถ้าแปลตรงตัว หมายถึง พระเจ้าจะยื่นมือช่วยเหลือแก่คนที่พยายามช่วยตัวเองก่อนเท่านั้น) แต่หากเขียนให้ได้ความหมายชัดเจน ตามประสาเราๆ อย่าไปยึดกับหลักการมาก แค่สื่อสารแล้วรู้เรื่องก็พอ อาจจะใช้คำว่า “You need to help yourself first” หรือ เขียนเป็นข้อความเรียงธรรมดาเป็น “The only person who can save you is you” (ผมแปลตามประสาผม) ดังนั้นความดี ความชั่ว จึงไม่มีใครกระทำแทนให้ใครหรือผู้ใดได้ ผู้ใดทำผู้นั้นก็ได้รับผลตามนั้น เมื่อทำดีย่อมไม่ได้ชั่วแน่ แต่ทำชั่วย่อมได้ชั่วและไม่ได้ดี สุดท้ายผู้ที่หวังความเจริญ ความสุข ห่างจากความทุกข์ จึงต้องกระทำและสรรหาด้วยตัวของตนเอง (แม้จะใช้เวลาที่ยาวนานหรือไม่เห็นวี่แววเลยก็ตาม)

แสดงความคิดผ่าน Facebook